Flat Base หรือฐานแบนราบ เป็นรูปแบบหนึ่งของการ Consolidation (การรวมตัวของราคา) ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นหรือตลาดการเงินอื่นๆ ซึ่งมักจะปรากฏก่อนที่ราคาจะทะลุขึ้นไปสูงขึ้น (Breakout) ลักษณะของ Flat Base ที่ดีมีดังนี้ :
1. ระยะเวลาของ Flat Base
- ระยะเวลาปกติ : Flat Base ที่ดีมักจะใช้เวลาประมาณ 5-8 สัปดาห์ แต่อาจยาวได้ถึง 12 สัปดาห์ในบางกรณี
- ไม่สั้นเกินไป : หากฐานสั้นเกินไป (น้อยกว่า 5 สัปดาห์) อาจไม่มีการสะสมหุ้นเพียงพอ และอาจไม่แข็งแรงพอที่จะทะลุขึ้นไปได้อย่างมีนัยสำคัญ
2. การเคลื่อนไหวของราคา
- การเคลื่อนไหวแคบ : ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก (มักไม่เกิน 10-15% จากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุดของฐาน)
- ไม่มี Volatility สูง : Flat Base ที่ดีจะไม่มีการแกว่งตัวของราคาที่รุนแรง หรือมี Volatility สูงเกินไป
3. ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
- ปริมาณการซื้อขายต่ำ : ในช่วง Flat Base ปริมาณการซื้อขายมักจะต่ำลง ซึ่งแสดงถึงการที่ผู้เล่นในตลาดกำลังรอคอยสัญญาณ Breakout
- ปริมาณเพิ่มขึ้นเมื่อ Breakout : เมื่อราคาทะลุขึ้นไปเหนือแนวต้าน (Resistance) ปริมาณการซื้อขายควรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการ Breakout ที่แข็งแรง
4. แนวต้านและแนวรับ
- แนวต้านที่ชัดเจน : Flat Base ที่ดีจะมีแนวต้าน (Resistance) ที่ชัดเจน ซึ่งเป็นระดับราคาที่หุ้นไม่สามารถทะลุผ่านได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
- แนวรับที่แข็งแรง : แนวรับ (Support) ควรจะอยู่ใกล้กับแนวต้าน และไม่ควรมีการทะลุลงต่ำกว่าแนวรับบ่อยครั้ง
5. รูปแบบของฐาน
- ฐานแบนราบ : ราคาควรจะเคลื่อนไหวในแนวราบเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่มีการขึ้นลงที่รุนแรง
- ไม่มีการปรับฐานลึกเกินไป : Flat Base ที่ดีไม่ควรมีการปรับตัวลงลึกเกินไป (ไม่เกิน 10-15% จากจุดสูงสุดของฐาน)
6. สัญญาณ Breakout
- Breakout ที่แข็งแรง : เมื่อราคาทะลุขึ้นไปเหนือแนวต้าน (Resistance) ควรจะทำด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- ไม่มีการย้อนกลับ : หลังจาก Breakout แล้ว ราคาควรจะคงที่หรือเคลื่อนไหวขึ้นต่อไป โดยไม่ย้อนกลับลงมาใต้แนวต้านเดิม
7. พื้นฐานของหุ้น
- พื้นฐานแข็งแรง : Flat Base ที่ดีมักจะเกิดขึ้นในหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแรง เช่น มีการเติบโตของรายได้และกำไรที่ดี
- ข่าวดีหรือเหตุการณ์เชิงบวก : บางครั้ง Flat Base อาจเกิดขึ้นก่อนการประกาศข่าวดีหรือเหตุการณ์เชิงบวกที่อาจส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น
สัญญาณการซื้อ (Buy Point)
- จุดซื้อที่ดีคือเมื่อราคาทะลุแนวต้านของฐาน (Breakout)
- ปริมาณซื้อขาย (Volume) ควรสูงกว่าค่าเฉลี่ย 40%-50% เมื่อเกิดการ Breakout
พึงระมัดระวัง Flat Base แบบนี้
❌ หุ้นที่ไม่มีแนวโน้มขาขึ้นก่อนหน้า
❌ ฐานลึกเกิน 15%-20% อาจบ่งบอกว่าหุ้นอ่อนแอ
❌ ปริมาณการซื้อขายต่ำผิดปกติในช่วง Breakout
สรุป
Flat Base ที่ดีควรมีลักษณะของการเคลื่อนไหวที่แคบและราบเรียบ, ปริมาณการซื้อขายที่ต่ำในช่วงฐาน, และการ Breakout ที่แข็งแรงด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การวิเคราะห์ Flat Base ควรทำร่วมกับการพิจารณาพื้นฐานของหุ้นและปัจจัยอื่นๆ ในตลาดด้วย
Flat Base เหมาะกับการเข้าเทรดในหุ้นที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตดี หากใช้อย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น 🚀
