Flat Base เป็นรูปแบบทางเทคนิคที่มักพบในหุ้นที่มีแนวโน้มขาขึ้น (uptrend) และเป็นช่วงที่หุ้นพักตัวหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเกิดการ Breakout ขึ้นไปอีกครั้ง การเข้าใจลักษณะของ Flat Base และจุดสังเกตสำหรับการเข้าซื้อหลัง Breakout เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ลักษณะของ Flat Base ที่ดี
- ระยะเวลาของ Flat Base :
- Flat Base ที่ดีควรมีระยะเวลาประมาณ 5-8 สัปดาห์ (หรือมากกว่า) แต่ไม่ควรยาวเกินไปจนสูญเสียโมเมนตัม
- หากสั้นเกินไป (เช่น น้อยกว่า 5 สัปดาห์) อาจไม่ใช่ Flat Base ที่แข็งแรง
- การเคลื่อนไหวของราคา :
- ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ (tight range) โดยไม่มีการแกว่งตัวขึ้นลงมากเกินไป
- การปรับตัวลง (pullback) ใน Flat Base มักไม่เกิน 10-15% จากจุดสูงสุดก่อนหน้า
- ปริมาณการซื้อขาย :
- ปริมาณการซื้อขายในช่วง Flat Base มักจะลดลง (low volume) ซึ่งแสดงถึงการพักตัวของหุ้น
- ก่อน Breakout ปริมาณการซื้อขายอาจเริ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- แนวรับและแนวต้าน :
- Flat Base มักมีแนวรับ (support) และแนวต้าน (resistance) ที่ชัดเจน
- ราคาจะทดสอบแนวต้านหลายครั้งก่อนที่จะ Breakout
- รูปแบบของฐาน :
- Flat Base มักเกิดขึ้นหลังจากที่หุ้นมีฐานก่อนหน้า (เช่น Cup with Handle, Double Bottom) และปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
จุดสังเกตสำหรับการเข้าซื้อหลัง Breakout
- ราคาทะลุแนวต้าน (Breakout Level) – จุดนี้มักจะเป็นราคาสูงสุดของฐาน
- Volume เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ – ปริมาณการซื้อขายควรสูงกว่าค่าเฉลี่ย 40-50%
- แท่งเทียน Breakout แข็งแกร่ง – ปิดใกล้จุดสูงสุดของวัน แสดงถึงแรงซื้อที่แน่นหนา
- RS (Relative Strength) อยู่ในระดับสูง – หุ้นที่แข็งแกร่งมักมีค่า RS สูงกว่า 80
- ตลาดโดยรวมสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น – ควรเช็คดัชนีตลาดว่าอยู่ในช่วงขาขึ้น
ข้อควรระวัง
- False Breakout: บางครั้งราคาอาจ Breakout ชั่วคราวแล้วกลับลงมาใต้แนวต้านอีกครั้ง ดังนั้นควรรอการยืนยันก่อนเข้าซื้อ
- การจัดการความเสี่ยง: ควรตั้งจุดตัดขาดทุน (stop-loss) ใต้แนวรับหรือจุดต่ำสุดของ Flat Base เพื่อป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่ Breakout ล้มเหลว
สรุป Flat Base ที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
- ระยะเวลาสะสมฐาน – ควรใช้เวลาประมาณ 5-6 สัปดาห์ขึ้นไป
- ความลึกของฐาน (Depth) – ควรอยู่ที่ 10-15% จากจุดสูงสุด (ไม่ควรเกิน 15-20%)
- แนวรับ-แนวต้านชัดเจน – ราคามักจะเคลื่อนที่ในกรอบแคบ ๆ โดยมีแนวต้านที่ชัดเจน
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) – ควรลดลงในช่วงพักฐาน และเพิ่มขึ้นเมื่อมีการ Breakout
- เกิดหลังจากแนวโน้มขาขึ้น – Flat Base มักเป็นจุดพักตัวของหุ้นที่มีแนวโน้มแข็งแกร่ง
